สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ ปิดที่ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 1.2 ดอลลาร์ ปิดที่ 58.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับข้อมูลที่ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 295,000 รายในเดือนก.พ. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 240,000 ราย ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 ปีครึ่ง
อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงเกินไปนั้น ยังคงสร้างแรงกดดันให้กับตลาด โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอยู่ที่ 9.324 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2526
ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในเดือนก.พ.ของกลุ่มโอเปกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 30.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียเพิ่มขึ้น 130,000 บาร์เรล แตะที่ 9.85 ล้านบาร์เรลต่อวัน
อย่างไรก็ดี นายอับดุลเลาะห์ เอล-บาดรี เลขาธิการกลุ่มโอเปกได้กล่าวในระหว่างแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่เมืองมานามา ประเทศบาห์เรน ว่า ตลาดน้ำมันดิบทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะกลับมาอยู่ในภาวะสมดุลได้อีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หลังจากที่ตลาดมีอุปทานที่สูงเกินไปถึง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน จนเป็นเหตุให้ราคาน้ำมันร่วงลงอย่างหนัก