ณ เวลา 20.19 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนเม.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ร่วงลง 1.01 ดอลลาร์ หรือ 2.15% แตะ 46.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
EIA รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 มี.ค. พุ่งขึ้น 4.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 448.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้นแตะระดับ 9.366 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2526
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 2.322 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล
การพุ่งขึ้นของสต็อกน้ำมันสหรัฐส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกอาจจะมีอยู่สูงเกินไป ในขณะที่อุปสงค์น้ำมันส่งสัญญาณชะลอตัว นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลง โดยรายงานระบุว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในเดือนก.พ.ของกลุ่มโอเปกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 30.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียเพิ่มขึ้น 130,000 บาร์เรล แตะ 9.85 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ EIA ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI ลงสู่ระดับ 52.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีนี้ จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 55.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
EIA ยังคาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐโดยเฉลี่ยในปี 2558 จะอยู่ที่ 9.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน และจะพุ่งขึ้นเป็น 9.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2559 ซึ่งใกล้เคียงกับระดับเฉลี่ยสูงสุดที่ 9.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2513