สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 88 เซนต์ ปิดที่ 47.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ ปิดที่ 55.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเพราะได้รับปัจจัยบวกจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยการอ่อนค่าของดอลลาร์จะช่วยให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ
ทั้งนี้ สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา รวมถึงรายงานของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) ที่ระบุว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.2% สู่ระดับ 4.88 ล้านยูนิต แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ที่ 4.9 ล้านยูนิต
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ที่ระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของสหรัฐปรับตัวลดลง 56 แห่ง มาอยู่ที่ระดับ 1,069 แห่งในสัปดาห์ที่ผ่ามา ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าการที่ราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับต่ำนั้น เป็นเหตุให้กลุ่มผู้ผลิต shale oil ของสหรัฐ ลดปริมาณการผลิตลง
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด เพราะตลาดได้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 มี.ค. พุ่งขึ้นแตะระดับ 9.419 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2526