สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 2.22 ดอลลาร์ ปิดที่ 51.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 2.71 ดอลลาร์ ปิดที่ 59.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากมีรายงานว่า ซาอุดิอาระเบียและสมาชิกกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ได้เปิดฉากโจมตีกองกำลังติดอาวุธฮูตี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต บาห์เรน และกาตาร์ ที่แสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่าจะร่วมมือในปฏิบัติการปกป้องเยเมนจากกลุ่มกบฏฮูตี
ขณะที่สถานีข่าวอัล-อะราบิยาของซาอุดิอาระเบียรายงานว่า ปากีสถานและอียีปต์จะส่งเครื่องบินและเรือรบเพื่อเข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ที่มีชื่อว่า "Firmness Storm"
นอกจากนี้มีรายงานว่า ประธานาธิบดีอับดู ราบู แมนซูร์ ฮาดี ได้หลบหนีออกจากที่พักในเมืองอาเดนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังจากกลุ่มกบฏฮูตีได้บุกเข้าประชิดเมืองที่สำคัญและยังได้บุกยึดสนามบินนานาชาติอาเดน
สถานการณ์ตึงเครียดในเยเมนส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น แม้ว่าสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่สูงขึ้นก็ตาม โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้น 8.2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 466.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 80 ปี และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 5.6 ล้านบาร์เรล
ส่วนปริมาณการผลิตน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแตะระดับ 9.422 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2526