ณ เวลา 19.20 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 52 เซนต์ หรือ 1.08% แตะ 47.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
เบเกอร์ ฮิวส์ ออกรายงานระบุว่า บริษัทน้ำมันสหรัฐมีจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้
รายงานดังกล่าวระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะที่เปิดใช้งานปรับตัวเพิ่มขึ้น 21 แห่ง สู่ระดับ 659 แห่งในสัปดาห์นี้
ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 463.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล
สำหรับอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 95.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2005
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ระบุว่า การผลิตน้ำมันโดยรวมของโอเปกในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 283,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค. สู่ระดับ 31.38 ล้านบาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากอิรัก ไนจีเรีย และซาอุดิอาระเบีย
อย่างไรก็ดี ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงช่วยสกัดช่วงขาลงของตลาด
ดอลลาร์ร่วงลงในวันนี้ใกล้หลุดระดับ 123 เยน โดยได้รับผลกระทบจากการที่นักลงทุนหลีกเลี่ยงความเสี่ยง หลังตลาดหุ้นทรุดตัวลง ขณะที่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ
ณ เวลา 19.10 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.52% สู่ระดับ 123.16 เยน และดิ่งลง 0.84% สู่ระดับ 1.1069 เทียบยูโร ขณะที่ยูโรขยับขึ้น 0.22% สู่ระดับ 136.25 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลง 0.57% สู่ระดับ 96.693