นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ได้ประกาศปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันของสหรัฐ
ณ เวลา 23.29 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนต.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ทะยานขึ้น 2.28 ดอลลาร์ หรือ 5.04% สู่ระดับ 47.50 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากร่วงลงในการซื้อขายช่วงแรก
ราคาน้ำมันทำสถิติทะยานขึ้นช่วง 2 วันมากที่สุดในรอบ 6 ปีในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ที่แล้ว ขานรับเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเกินคาดในไตรมาส 2
ทั้งนี้ โอเปกเปิดเผยในเอกสารวันนี้ว่า โอเปกมีความกังวลต่อการดิ่งลงของราคาน้ำมันในระยะนี้ และทางกลุ่มก็พร้อมที่จะหารือกับผู้ผลิตน้ำมันทุกรายเกี่ยวกับสถานการณ์ของตลาดน้ำมัน
รายงานดังกล่าวของโอเปกทำให้มีการคาดการณ์กันว่า โอเปกอาจจะเปลี่ยนแปลงจุดยืนในการผลิตน้ำมัน โดยจะตัดสินใจลดกำลังการผลิตเพื่อหนุนราคาให้ดีดตัวขึ้น
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า เวเนซุเอลากำลังทำการติดต่อกับประเทศสมาชิกอื่นๆของโอเปก เพื่อให้มีการจัดการประชุมฉุกเฉินขึ้นร่วมกับรัสเซีย เพื่อหามาตรการกระตุ้นราคาน้ำมันที่ได้ทรุดตัวลง
การจัดประชุมฉุกเฉินจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากซาอุดิอาระเบีย ซึ่งก่อนหน้านี้ระบุว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจัดการประชุมดังกล่าว
ทางด้าน EIA ประกาศปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันของสหรัฐ
ทั้งนี้ EIA ได้ลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ราว 40,000-130,000 บาร์เรลต่อวันในแต่ละเดือน เนื่องจาก EIA ใช้วิธีการสำรวจแบบใหม่ โดยเท็กซัสและอ่าวเม็กซิโกเป็นบริเวณที่ถูกปรับลดการผลิตมากที่สุด
นอกจากนี้ EIA ยังได้ระบุว่า การผลิตน้ำมันในเดือนมิ.ย.ลดลง 100,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 9.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้การผลิตโดยรวมในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ระดับ 9.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน
รายงานของ EIA บ่งชี้ว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลง เนื่องจากบริษัทน้ำมันมองว่าจะไม่คุ้มต่อการลงทุนใหม่