ณ เวลา 17.48 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.66% สู่ระดับ 45.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 2.4% เมื่อคืนนี้ (5 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
EIA รายงานเมื่อวันพุธว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.85 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 482.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล
รายงานของ EIA ยังระบุด้วยว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 48,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.16 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) รายงานว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของโอเปกในช่วงเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 และสูงกว่าโควต้าที่โอเปกกำหนดไว้ที่ 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า อิหร่านซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกโอเปกนั้น วางแผนที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในช่วงสิ้นเดือนมี.ค.ปีหน้า
เบเกอร์ ฮิวจ์ อิงค์รายงานเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐที่มีการใช้งาน ได้ลดลง 16 แท่น สู่ระดับ 578 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน
ขณะนี้ จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันได้ลดลง 64% นับตั้งแต่พุ่งสูงสุดแตะ 1,609 แท่นในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว
ทั้งนี้ จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันได้ลดลงอย่างมากนับตั้งแต่ราคาน้ำมันทรุดตัวลงในปีที่แล้ว