ณ เวลา 21.12 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ร่วงลง 52 เซนต์ หรือ 1.15% สู่ระดับ 44.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 271,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2014 ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2008 จาก 5.1% ในเดือนก.ย.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 5.0%
ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 268,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 3,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ย. โดยปรับลดลงสู่ 137,000 ตำแหน่ง จากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ที่ 142,000 ตำแหน่ง และทบทวนตัวเลขการจ้างงานในเดือนส.ค. โดยปรับเพิ่มขึ้นสู่ 153,000 ตำแหน่ง จากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ที่ 136,000 ตำแหน่ง
นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงขยายตัวในอัตราที่เพียงพอต่อการสร้างความคืบหน้าในตลาดแรงงาน และช่วยหนุนให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ในระยะกลาง และหากข้อมูลเศรษฐกิจที่เฟดได้รับให้การสนับสนุนการคาดการณ์ดังกล่าว ก็มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐยังส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อราคาสัญญาน้ำมัน
ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จะลดความน่าดึงดูดของสัญญาน้ำมัน โดยทำให้มีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดอลลาร์พุ่งขึ้นเทียบเยนและยูโร หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า
ณ เวลา 21.04 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.92% สู่ระดับ 122.80 เยน และดีดตัว 1.44% แตะ 1.0729 เทียบยูโร ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลง 0.62% สู่ระดับ 131.76 เยน ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ทะยานขึ้น 1.20% สู่ระดับ 99.097