ณ เวลา 18.17 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ร่วงลง 36 เซนต์ หรือ 0.98% สู่ระดับ 36.47 ดอลลาร์/บาร์เรล ใกล้แตะระดับ 36.20 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2004
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาด 4.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล
การเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันสหรัฐของ EIA สอดคล้องกับการรายงานของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาด 2.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
การเปิดเผยสต็อกน้ำมันสหรัฐทั้งจาก EIA และ API ต่างตอกย้ำภาวะน้ำมันล้นตลาด
ทั้งนี้ อิหร่านมีแนวโน้มเพิ่มการส่งออกน้ำมันหลังชาติตะวันตกยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับเพดานการผลิตน้ำมันสำหรับช่วงเวลา 6 เดือนข้างหน้า หลังการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ผู้นำในสภาคองเกรสสหรัฐเห็นพ้องกันวานนี้ที่จะให้มีการยกเลิกคำสั่งห้ามส่งออกน้ำมันสหรัฐ หลังมีการบังคับใช้มานาน 40 ปี
การยกเลิกคำสั่งห้ามดังกล่าวถือเป็นชัยชนะของอุตสาหกรรมน้ำมันสหรัฐ ซึ่งจะทำให้มีตลาดเพิ่มขึ้นจากการส่งออกต่างประเทศ หลังจากที่ผ่านมาต้องพึ่งพารายได้จากการใช้น้ำมันของชาวสหรัฐ
นอกจากนี้ การยกเลิกข้อห้ามส่งออกน้ำมันสหรัฐยังเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่พรรครีพับลิกันใช้ในการเจรจาต่อรองกับพรรคเดโมแครตเพื่อแลกกับการผ่านกฎหมายงบประมาณรายจ่าย และกฎหมายภาษี
อย่างไรก็ดี ข้อตกลงดังกล่าวยังคงต้องผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ รวมทั้งยังต้องให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามาลงนามเป็นกฎหมาย
นอกจากนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นก็เป็นปัจจัยลบต่อสัญญาน้ำมัน โดยจะลดความน่าดึงดูด และทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นในวันนี้เทียบเยนและยูโร รับข่าวธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี
ณ เวลา 18.09 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ดีดตัวขึ้น 0.22% สู่ระดับ 122.42 เยน และแข็งค่า 0.64% สู่ระดับ 1.0845 เทียบยูโร ขณะที่ยูโรร่วงลง 0.42% สู่ระดับ 132.76 เยน ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่ง 0.97% สู่ระดับ 98.820
ดอลลาร์ปรับตัวขึ้น เนื่องจากการตัดสินใจของเฟดบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีการฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพ
เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาดเมื่อวานนี้ พร้อมส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ในการประชุมเมื่อวานนี้ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% อยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์กันไว้ โดยเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2006