ณ เวลา 23.17 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 1.36 ดอลลาร์ หรือ 3.76% สู่ระดับ 37.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 5.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 484.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล
ข้อมูลของ EIA สอดคล้องกับสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) ซึ่งเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 486.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล
ทางด้านกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ออกรายงานฉบับหนึ่งในวันนี้ คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันในตะกร้าน้ำมันดิบของโอเปกจะแตะระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรลในปี 2020 และ 95 ดอลลาร์/บาร์เรลในปี 2040 เทียบกับระดับ 30.74 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวานนี้
โอเปกระบุว่าความจำเป็นในการพัฒนาการผลิตน้ำมันในแหล่งที่ต้องใช้ต้นทุนสูง จะผลักดันให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นในระยะยาว
รายงานระบุว่าโอเปกอาจปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันสู่ระดับ 30.6 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2019 ซึ่งต่ำกว่าราว 1 ล้านบาร์เรลจากระดับ 31.7 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนพ.ย.2014
นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันจากสหรัฐและแคนาดาจะแตะระดับ 19.8 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2020 เพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล/วันจากปี 2014
ขณะเดียวกัน โอเปกคาดการณ์ว่าอุปสงค์สำหรับน้ำมันดิบของโอเปกในปี 2020 จะต่ำกว่าปี 2016 ขณะที่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกยังคงเดินหน้าการผลิต แม้ว่าราคาน้ำมันยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่อง
โอเปกคาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันดิบของโอเปกในปี 2020 จะอยู่ที่ 30.7 ล้านบาร์เรล/วัน เทียบกับระดับ 30.9 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2016 และต่ำกว่าราว 1 ล้านบาร์เรลจากระดับที่มีการผลิตในปัจจุบัน
นอกจากนี้ โอเปกยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดานจากประเทศนอกกลุ่ม สู่ระดับ 5.19 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2020 เพิ่มขึ้นจากระดับ 4.50 ล้านบาร์เรล/วันในรายงานปีที่แล้ว