ณ เวลาประมาณ 18.00 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 95 เซนต์ หรือ 2.51% สู่ระดับ 36.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันกลับสู่แนวโน้มขาลงอีกครั้ง หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 1.06 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 37.87 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2
ทั้งนี้มีการคาดการณ์กันว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบในวันนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 ธ.ค. ร่วงลง 5.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 484.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มที่ว่าภาวะน้ำมันล้นตลาดจะยังคงอยู่ต่อไป อันเนื่องมาจากการส่งออกของสหรัฐ อิหร่าน และลิเบียนั้น ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุน ส่งผลให้เกิดแรงเทขาย ขณะเดียวกันตลาดยังคงจับตาดูความเคลื่อนไหวของอิหร่านอย่างใกล้ชิด หลังจากการปิโตรเลียมอิหร่านระบุว่า อิหร่านมีความพร้อมที่จะส่งออกน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านบาร์เรล/วัน ในอีก 6 เดือนข้างหน้า ภายหลังจากที่ชาติตะวันตกประกาศยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน
ทั้งนี้ หากอิหร่านผลิตน้ำมันและส่งออกเพิ่มขึ้น ก็จะส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นด้วย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะสร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมันดิบ