ณ เวลา 22.50 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 57 เซนต์ หรือ 1.81% สู่ระดับ 30.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันได้ร่วงลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด ขณะที่นักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันสหรัฐของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ในวันนี้ และสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) ในวันพรุ่งนี้
ราคาน้ำมันได้ดิ่งลงราว 16% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำมันล้นตลาด, การอ่อนแอของเศรษฐกิจจีน, การทรุดตัวของตลาดหุ้น และทิศทางการแข็งค่าของดอลลาร์
รมว.น้ำมันของไนจีเรียกล่าวว่า สมาชิกหลายรายของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เรียกร้องให้มีการจัดประชุมฉุกเฉินขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันตกต่ำในขณะนี้
นักวิเคราะห์จากหลายสำนัก เช่นบาร์เคลย์, แมคควารี, แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์, สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด และโซซิเอเต้ เจเนอราล ต่างพากันปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีนี้
นักวิเคราะห์จากสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันมีโอกาสดิ่งลงแตะระดับ 10 ดอลลาร์/บาร์เรล
"ราคาน้ำมันกำลังปรับตัวตามกระแสทางการเงินที่เกิดจากความผันผวนของราคาสินทรัพย์อื่นๆ ซึ่งรวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และตลาดหุ้น ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์ด้านปัจจัยพื้นฐานในการผลักดันราคาน้ำมันไปสู่ระดับดุลยภาพ" รายงานระบุ
"เราคาดว่าราคาน้ำมันอาจดิ่งลงต่ำถึง 10 ดอลลาร์/บาร์เรล ก่อนที่บรรดาผู้จัดการทางการเงินส่วนใหญ่ในตลาดจะยอมรับว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบมากเกินไปแล้ว"
ส่วนนักวิเคราะห์จากบาร์เคลย์ระบุว่า "ปัจจัยพื้นฐานในตลาดน้ำมันที่ทรุดตัวลงในต้นปีนี้ ทำให้เราปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีนี้ โดยเราคาดว่าทั้งน้ำมันดิบเบรนท์ และน้ำมัน WTI จะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 37 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ลดลงจากระดับ 60 ดอลลาร์ และ 56 ดอลลาร์ตามลำดับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้"
ส่วนโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ราคาน้ำมันมีโอกาสดิ่งลงแตะระดับ 20 ดอลลาร์/บาร์เรล