สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (27 พ.ค.) จากข่าวที่ว่าแคนาดาเริ่มกลับมาผลิตน้ำมัน หลังจากที่แหล่งผลิตน้ำมันได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไฟป่าในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 49.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 27 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 49.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นราว 3% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้นราว 1%
นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันหลังจากมีรายงานว่า แคนาดาเริ่มกลับมาดำเนินการผลิตน้ำมันดิบ หลังจากที่แหล่งผลิตน้ำมันจากชั้นทรายในเมืองฟอร์ท แมคเมอร์เรย์ ทางฝั่งตะวันตกของแคนาดา ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไฟป่าในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้การผลิตน้ำมันราว 900,000 บาร์เรล - 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในพื้นที่ดังกล่าว ต้องหยุดชะงักลง
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากนางเยลเลนได้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีรับมอบรางวัล Radcliffe Award จากสถาบันแรดคลิฟสำหรับการศึกษาขั้นก้าวหน้า มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ถ้าหากเศรษฐกิจมีการขยายตัวตามที่คาดการณ์ไว้ และการจ้างงานยังคงเพิ่มขึ้น
นักลงทุนยังคงจับตาท่าทีของอิหร่าน หลังจากรัฐบาลประกาศแผนผลักดันการส่งออกน้ำมันให้ได้ถึง 2.2 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงฤดูร้อนนี้ จากปัจจุบันที่ 2 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ นักลงทุนรอดูการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 2 มิ.ย. เพื่อหาสัญญาณการตรึงกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อผลักดันราคาให้ดีดตัวขึ้น
- ตลาดน้ำมันนิวยอร์กจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 30 พ.ค. เนื่องในวัน Memorial Day *