สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันนี้ แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 เดือน ทะลุระดับ 51 ดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากการทีนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันในตลาด หลังมีการโจมตีท่อน้ำมันในไนจีเรีย ขณะที่จีนเปิดเผยตัวเลขการนำเข้าน้ำมันดิบพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 ปีในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี
ณ เวลา 19.15 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 78 เซนต์ หรือ 1.55% สู่ระดับ 51.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว ไนจีเรียเปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันในประเทศลดลงราว 170,000 บาร์เรลต่อวัน หลังจากเกิดเหตุการณ์โจมตีท่อน้ำมันในประเทศ
Eni บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของอิตาลีเปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบของบริษัทลดลง 65,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากท่อส่งน้ำมันในจังหวัดบาเยลซา ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไนจีเรีย ถูกโจมตีจนได้รับความเสียหาย นายอาซูบุยเค โอคาฟอร์ ประธานประจำภูมิภาคของสมาคมผู้ผลิตแห่งไนจีเรีย เปิดเผยว่า เหตุวางระเบิดที่บ่อน้ำมันขนาดใหญ่หลายแห่ง ซึ่งเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายไนเจอร์ เดลตา อเวนเจอร์ส นั้น อาจจะส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทน้ำมันของไนจีเรียย่ำแย่ลง
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันนี้ หลังสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์ก็เป็นอีกปัจจัยที่หนุนราคาน้ำมันในวันนี้
ดอลลาร์อ่อนค่าลงหลุดระดับ 107 เยนในวันนี้ ตามการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ หลังการเปิดเผยข้อมูลการขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น ก่อนที่จะลดช่วงติดลบจากการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นญี่ปุ่น
ณ เวลา 18.53 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.32% สู่ระดับ 106.99 เยน และปรับตัวลง 0.25% สู่ระดับ 1.1384 เทียบยูโร ขณะที่ยูโรขยับลง 0.07% สู่ระดับ 121.80 เยน ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.24% สู่ระดับ 93.634
ดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่องจากการซื้อขายเมื่อคืนนี้ที่ตลาดนิวยอร์ก ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลง จากการที่นักลงทุนลดคาดการณ์การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ
ดอลลาร์ร่วงลงมากขึ้น หลังญี่ปุ่นได้ปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. เป็นขยายตัว 1.9% จากระดับ 1.7% ที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนลดคาดการณ์การออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมของธนาคารกลางญี่ปุ่นที่จะมีการประชุมในสัปดาห์หน้า