สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (16 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าหากอังกฤษแยกตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) ก็จะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก และจะฉุดอุปสงค์พลังงานให้อ่อนแอลงด้วย นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ที่ระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 1.80 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 46.21 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 1.78 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 47.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของ Brexit ขณะที่ผลการสำรวจของ Ipsos MORI ระบุว่า จำนวนผู้ที่สนับสนุนให้อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนการลงประชามติในวันที่ 23 มิ.ย.
ทั้งนี้ Ipsos MORI ได้ทำการสำรวจผู้ใหญ่ 1,257 คนทั่วอังกฤษในระหว่างวันที่ 11-14 มิ.ย. บ่งชี้ว่า ผู้มีสิทธิลงประชามติจำนวน 51% ต้องการออกจาก EU ขณะที่ 49% ต้องการอยู่ใน EU
สถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี (DIW) เตือนว่า หากอังกฤษถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) อาจส่งผลให้การเติบโตของเศรษฐกิจเยอรมนีชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก Brexit จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกของเยอรมนี ตลอดจนทำให้ตลาดการเงินผันผวน และก่อให้เกิดผลกระทบทางลบอื่นๆตามมา
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ที่ระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐเพิ่มขึ้น 3 แท่น สู่ระดับ 328 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว สะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐมีการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานล้นตลาด