สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (22 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด หลังมีรายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 56 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 44.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 51 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 45.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
บริษัท เบเกอร์ ฮิวส์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมัน รายงานเมื่อวันศุกร์ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เปิดใช้งานในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 14 แห่ง เป็น 371 แห่งในสัปดาห์นี้
ขณะเดียวกัน สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 911,000 บาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัว
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบนั้น แม้ว่าปรับตัวลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 519.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน แต่ตัวเลขดังกล่าวยังถือว่าเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับช่วงเวลานี้ของปี
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์จะส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ