สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับฐานในวันนี้ หลังจากทะยานขึ้นกว่า 3% วานนี้
ณ เวลา 21.07 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ขยับขึ้น 4 เซนต์ หรือ 0.1% สู่ระดับ 40.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ปิดวานนี้พุ่งขึ้น 1.32 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ที่ระดับ 40.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นวานนี้หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 3.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่การผลิตน้ำมันของสหรัฐลดลงต่ำกว่า 8.5 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน ปรับตัวลง 1.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
การลดลงอย่างมากของสต็อกน้ำมันเบนซินและสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่งนั้น ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด แม้ว่าในรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 522.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล
นายฟรานซิสโก บลานช์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ กล่าวว่า ราคาน้ำมันจะยังคงปรับตัวลงในช่วงครึ่งปีหลัง แต่จะพุ่งแตะระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีหน้า
นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่าตลาดน้ำมันจะปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุลในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ดี สิ่งนี้ยังไม่ได้เกิดขึ้น ส่งผลให้ราคายังคงอ่อนแอ
ราคาน้ำมันได้พุ่งขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าในช่วงกลางปี 2014 ซึ่งขณะนั้นราคาทะยานขึ้นแตะระดับ 115 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ปฏิเสธที่จะปรับลดกำลังการผลิตได้เป็นสาเหตุที่ฉุดให้ราคาร่วงลง รวมทั้งอุปสงค์ที่อ่อนแอในตลาดโลก, การแข็งค่าของดอลลาร์ และการผลิตน้ำมันจำนวนมากในสหรัฐ
นักวิเคราะห์เชื่อว่าราคาจะปรับตัวในช่วงกว้าง โดยอาจแตะ 25-30 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า ขณะที่นายบลานช์คาดว่าราคาจะพุ่งแตะ 80-90 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางตลาดที่มีความผันผวน