สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พลิกทะยานขึ้นเกือบ 1% ทะลุระดับ 50 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังอ่อนตัวลงในช่วงแรก โดยราคาสามารถดีดตัวขึ้นต่อเนื่องจากที่ทะยานขึ้นกว่า 2% แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 เดือนเมื่อวานนี้ จากการที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงติดต่อกัน 5 สัปดาห์ สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
ณ เวลา 20.39 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX พุ่งขึ้น 47 เซนต์ หรือ 0.94% สู่ระดับ 50.30 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังร่วงลงก่อนหน้านี้
ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.
EIA รายงานเมื่อวานนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 499.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล
ด้านสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 222,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 702,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 700,000 บาร์เรล
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นนับตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. หลังจากโอเปกมีมติปรับลดการผลิตน้ำมันลงสู่ระดับ 32.5 - 33 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันที่ระดับ 33.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นายโมฮัมหมัด บิน ซาเลห์ อัล-ซาดา ประธานโอเปก กล่าวว่า ที่ประชุมได้บรรลุข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมัน และตกลงที่จะจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่พิจารณาส่วนแบ่งด้านการผลิตของสมาชิกโอเปกแต่ละประเทศ และจากนั้นจะยื่นรายงานต่อที่ประชุมโอเปกครั้งต่อไปซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 30 พ.ย.
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ไม่คาดว่าราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นต่อไปมากนัก แม้โอเปกมีมติลดกำลังการผลิต เนื่องจากปริมาณน้ำมันในตลาดยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งบ่งชี้จากการที่ซาอุดิอาระเบียประกาศลดราคาน้ำมันสำหรับการส่งมอบแก่ตลาดเอเชียในเดือนหน้า