สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) โดยสัญญาน้ำมันปรับตัวลงติดต่อกัน 6 วันทำการ หลังมีรายงานว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลการประชุมโอเปกในช่วงสิ้นเดือนนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 59 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 44.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 77 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 45.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงกว่า 9% ซึ่งถือว่ามากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนม.ค. ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลงกว่า 8%
บริษัท เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมน้ำมันสหรัฐ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสัปดาห์ที่แล้ว มีจำนวนเพิ่มขึ้น 9 แท่น สู่ระดับ 450 แท่น แต่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งอยุ่ที่ระดับ 572 แท่น
ส่วนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐในเดือนก.ย.มีจำนวน 509 แท่น โดยเพิ่มขึ้น 28 แท่น จากเดือนส.ค.ซึ่งมี 481 แท่น
ขณะเดียวกัน การที่นักลงทุนไม่มั่นใจว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะสามารถบรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 30 พ.ย.ได้หรือไม่ ก็ได้สร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมันเช่นกัน หลังมีข่าวว่าซาอุดิอาระเบียขู่ว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตสู่ระดับ 12 ล้านบาร์เรล/วัน และจะถอนตัวไม่เข้าร่วมการประชุม หากอิหร่านไม่ปรับลดกำลังการผลิตลง แม้ว่านายโมฮัมเหม็ด บาร์คินโด เลขาธิการโอเปก ได้ออกมาปฏิเสธรายงานดังกล่าวแล้วก็ตาม
นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจะมีขึ้นในวันที่ 8 พ.ย.นี้ หลังผลสำรวจบ่งชี้ว่าคะแนนนิยมของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน สูสีกันมาก