สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 พ.ย.) หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะยังคงอยู่ในระดับที่สูงขึ้นในเดือนพ.ย. ซึ่งรายงานดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานในตลาดโลกที่สูงเกินไป
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 61 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 44.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 52 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 45.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลง หลังจาก IEA เปิดเผยรายงานเมื่อวานนี้ โดยระบุว่าการผลิตน้ำมันในกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ในระดับที่สูงขึ้นในเดือนพ.ย. หลังจากที่การผลิตน้ำมันของกลุ่มเมื่อเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้นเป็นประวัติการณ์
IEA ระบุว่า ผลผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 230,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 33.83 ล้านบาร์เรลต่อวัน ด้วยตัวเลขเหล่านี้ โอเปกอาจจะต้องหาทางสรุปเรื่องการลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงในการประชุมเดือนนี้
นอกจากนี้ IEA ยังได้คงคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการน้ำมันในปีนี้ไว้ที่ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน
รายงานคาดการณ์ดังกล่าวของ IEA ได้สกัดแรงบวกในตลาดน้ำมัน หลังจากที่สัญญาน้ำมันดิบ WTI ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ภายหลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
นอกจากนี้ รายงานคาดการณ์ของ IEA ยังส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด โดยก่อนหน้านี้สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล