สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 9% เมื่อคืนนี้ (30 พ.ย.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตครั้งแรกรอบ 8 ปีในการประชุมเมื่อวานนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 4.21 ดอลลาร์ หรือ 9.3% ปิดที่ 49.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 4.09 ดอลลาร์ หรือ 8.8% ปิดที่ 50.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากที่ประชุมโอเปกออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า โอเปกสามารถบรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมที่ระดับ 33.8 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเป็นไปตามกรอบข้อตกลงในการประชุมที่กรุงอัลเจียร์ส ประเทศแอลจีเรีย ในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ การลดกำลังการผลิตดังกล่าว จะเป็นการปรับลดกำลังการผลิตของโอเปกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008 และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.2017
นายโมฮัมเหม็ด บิน ซาเลห์ อัล-ซาดา เลขาธิการโอเปก แถลงว่า ประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับโอเปกในการปรับลดกำลังการผลิต โดยรัสเซียเตรียมลดการผลิตลง 300,000 บาร์เรล/วัน จากกำลังการผลิตมากกว่า 10 ล้านบาร์เรล/วัน
การประชุมเมื่อวานนี้มีขึ้นเพื่อกำหนดโควตาการผลิตน้ำมันของสมาชิกทั้ง 14 ประเทศของโอเปก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ โอเปกได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการประชุมที่กรุงอัลเจียร์สในเดือนก.ย.เพื่อลดกำลังการผลิตโดยรวมสู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน
ทั้งนี้ ในการประชุมเดือนก.ย. ที่ประชุมโอเปกเห็นพ้องกันให้อิหร่าน ลิเบีย และไนจีเรีย ได้รับการยกเว้นจากการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน เนื่องจากการผลิตน้ำมันของประเทศเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตร และความไม่สงบภายในประเทศ
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ ลดลง 884,000 บาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 636,000 บาร์เรล