สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI เริ่มมีเสถียรภาพในวันนี้ หลังจากทรุดตัวลงเกือบ 4% เมื่อคืนนี้ จากความกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่พุ่งขึ้นของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 19.48 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลบ 1 เซนต์ หรือ 0.02% สู่ระดับ 51.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 1.94 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 51.04 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวานนี้ หลังจากโอเปกออกรายงานประจำเดือนธ.ค.ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันประจำเดือนพ.ย.ของกลุ่มโอเปกพุ่งขึ้น 150,000 บาร์เรล/วัน แตะระดับ 33.87 ล้านบาร์เรล/วัน
รายงานของโอเปกยังระบุด้วยว่า ปริมาณน้ำมันส่วนเกินในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า นอกจากว่าสมาชิกโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปกจะดำเนินการปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลง เพื่อลดการผลิตน้ำมันลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
โอเปกระบุว่า หากกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันไม่ทำการปรับลดกำลังการผลิต ปริมาณน้ำมันส่วนเกินในปีหน้าจะแตะระดับ 1.24 ล้านบาร์เรล/วัน โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์เดิมราว 300,000 บาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% สู่ระดับ 0.50-0.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า
ทางด้านธนาคาร ANZ ออกรายงานระบุว่า ตลาดน้ำมันจะเผชิญภาวะตึงตัวในช่วงต้นปีหน้า หากผู้ผลิตน้ำมันทั้งในกลุ่มโอเปก และกลุ่มนอกโอเปก ซึ่งนำโดยรัสเซีย ทำการปรับลดกำลังการผลิตตามที่ตกลงกันไว้รวมกันเกือบ 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน
"สิ่งนี้จะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงต้นปีหน้า" รายงานระบุ
ทั้งนี้ ในการประชุมช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน โดยรัสเซียจะปรับลดกำลังการผลิตลง 300,000 บาร์เรล/วัน ในขณะที่กลุ่มโอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย. โดยมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.2017