สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับรายงานของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ระบุว่า การผลิตน้ำมันของโอเปกปรับตัวสูงขึ้นในเดือนพ.ย.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 50.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 12 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 54.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดลบติดต่อกัน 2 วันทำการ หลังจากโอเปกออกรายงานประจำเดือนธ.ค.ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันประจำเดือนพ.ย.ของกลุ่มโอเปกพุ่งขึ้น 150,000 บาร์เรล/วัน แตะระดับ 33.87 ล้านบาร์เรล/วัน
รายงานของโอเปกยังระบุด้วยว่า ปริมาณน้ำมันส่วนเกินในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า นอกจากว่าสมาชิกโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปกจะดำเนินการปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลง เพื่อลดการผลิตน้ำมันลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมัน WTI ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย โดยสัญญาเดือนม.ค.เคลื่อนตัวเข้าใกล้ระดับ 51 ดอลลาร์/บาร์เรลในระหว่างวัน หลังจากมีรายงานว่า การปิโตรเลียมของซาอุดิอาระเบียและคูเวตได้แจ้งกับลูกค้าในเอเชียว่า ทั้งสองประเทศจะปรับลดอุปทานน้ำมัน หลังจากที่ประชุมโอเปกมีมติปรับลดกำลังการผลิต
ทั้งนี้ ในการประชุมช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน โดยรัสเซียจะปรับลดกำลังการผลิตลง 300,000 บาร์เรล/วัน ในขณะที่กลุ่มโอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย. โดยมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.2017