สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พลิกร่วงลงในวันนี้ หลังการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง
ณ เวลา 22.51 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.26% สู่ระดับ 53.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นในช่วงแรก จากการคาดการณ์เกี่ยวกับการลดลงของสต็อกน้ำมันสหรัฐ และแนวโน้มของราคาที่จะเพิ่มขึ้นในปีหน้า หลังประเทศผู้ผลิตน้ำมันปรับลดกำลังการผลิต
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะปรับตัวลง
ทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน
สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันมีแนวโน้มพุ่งขึ้น 10% ในเดือนนี้ โดยจะทำสถิติทะยานขึ้นมากที่สุดสำหรับเดือนธ.ค.ในรอบ 6 ปี
ธนาคารโซซิเอเต เจเนอราลระบุว่า ข้อตกลงลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปกที่จะมีผลในเดือนหน้า จะส่งผลให้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นสู่ช่วง 50-60 ดอลลาร์ในปีหน้า
ทั้งนี้ ในการประชุมกลางเดือนนี้ ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน โดยรัสเซียจะปรับลดกำลังการผลิตลง 300,000 บาร์เรล/วัน ในขณะที่กลุ่มโอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย. โดยมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.2017 และมีกำหนดเป็นเวลา 6 เดือน