สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวลงในวันนี้ โดยได้รับผลกระทบจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่เพิ่มขึ้น และการที่ลิเบียเตรียมปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า
ณ เวลา 19.12 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 19 เซนต์ หรือ 0.36% สู่ระดับ 52.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันมีแนวโน้มพุ่งขึ้น 10% ในเดือนนี้ โดยจะทำสถิติทะยานขึ้นมากที่สุดสำหรับเดือนธ.ค.ในรอบ 6 ปี
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
ทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน
บรรษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียคาดการณ์ว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันขึ้นอีก 270,000 บาร์เรล/วัน หลังจากที่มีการเปิดท่อส่งน้ำมันจากเมืองชาราราไปยังบ่อเอลฟีล
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ในวันนี้ และการคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตในปีหน้า
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยในกรอบ 117 เยน ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเพื่อบ่งชี้ทิศทางการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 18.21 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ปรับตัวลง 0.05% สู่ระดับ 117.48 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.39% สู่ระดับ 122.99 เยน และดีดตัวขึ้น 0.39% สู่ระดับ 1.0464 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.18% สู่ระดับ 102.81
ในการประชุมกลางเดือนนี้ ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน โดยรัสเซียจะปรับลดกำลังการผลิตลง 300,000 บาร์เรล/วัน ในขณะที่กลุ่มโอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย. โดยมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.2017 และมีกำหนดเป็นเวลา 6 เดือน