สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงคืนนี้ (9 ม.ค.) หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันของสหรัฐรายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 10 สัปดาห์ ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่า การที่สหรัฐเพิ่มการขุดเจาะและผลิตน้ำมัน จะส่งผลกระทบต่อความพยายามของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในการปรับลดกำลังการผลิต
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 2.03 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 51.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 2.16 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 54.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนัก หลังจากบริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้ว มีจำนวนเพิ่มขึ้น 4 แท่น สู่ระดับ 529 แท่น ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน
ด้านนักวิเคราะห์จากธนาคารบาร์เคลย์สคาดการณ์ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 850-875 แท่นในปลายปีนี้ ขณะที่การสำรวจและการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 27% หลังราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปกบรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตในปีนี้
ทั้งนี้ การที่สหรัฐเพิ่มการขุดเจาะและผลิตน้ำมัน จะส่งผลกระทบต่อความพยายามของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในการปรับลดกำลังการผลิต
ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มโอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน และจากนั้นในกลางเดือนธ.ค. ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2017 และมีกำหนดเป็นเวลา 6 เดือน
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพุธนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลไทย