สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันเบนซินปรับตัวลงสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น แม้ตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากเกินคาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ตาม
การลดลงของสต็อกน้ำมันเบนซินบ่งชี้ว่าการบริโภคน้ำมันของสหรัฐอยู่ในระดับสูงกว่ ที่มีการคาดการณ์ไว้ และจะช่วยพยุงราคา ในขณะที่สต็อกน้ำมันประเภทอื่นๆยังคงอยู่ในระดับสูง
ณ เวลา 21.24 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมี.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ หรือ 1.22% สู่ระดับ 52.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 869,000 บาร์เรล สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล
EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 13.8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 508.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล
ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานเมื่อวันอังคารว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นกว่า 14 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
รายงานของ API ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 ก.พ. พุ่งขึ้น 14.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.5 ล้านบาร์เรล
ผลการสำรวจพบว่า สมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ให้ความร่วมมือถึง 82% ในการปฏิบัติตามข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมัน ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มโอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน และจากนั้นในกลางเดือนธ.ค. ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2017 และมีกำหนดเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดในกลางปีนี้