สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 ก.พ.) โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า โอเปกอาจจับมือกับประเทศนอกกลุ่มโอเปกเพื่อขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีก อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 4 เซนต์ หรือ 0.09% ปิดที่ 53.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 55.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงราว 0.9% ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลงราว 1.6%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากมีรายงานว่า โอเปกอาจจับมือกับประเทศนอกกลุ่มโอเปกเพื่อขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไป หากสต็อกน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงไม่ปรับตัวลงสู่ระดับที่ตั้งเป้าหมายไว้
ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มโอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน และจากนั้นในกลางเดือนธ.ค. ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2017 และมีกำหนดเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดในกลางปีนี้
ข้อมูลรายเดือนของกลุ่มโอเปกระบุว่า กลุ่มโอเปกได้ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 890,000 บาร์เรล/วัน ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบกับเดือนธ.ค. โดยข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตตามที่กลุ่มโอเปกได้ตกลงกันได้ และยังสอดคล้องกับรายงานการประเมินของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ซึ่งระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปก ลดลง 1 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.06 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนม.ค. โดยประเทศสมาชิกให้ความร่วมมือลดกำลังการผลิตตามข้อตกลงถึง 90% ขณะที่ซาอุดิอาระเบีย และอีกหลายประเทศลดการผลิตมากกว่าที่ระบุในข้อตกลง
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากมีข้อมูลบ่งชี้ถึงการผลิตที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ โดยบริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสัปดาห์นี้ มีจำนวนเพิ่มขึ้น 6 แท่น สู่ระดับ 597 แท่น