สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (24 ก.พ.) หลังมีรายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐเพิ่มขึ้นทะลุ 600 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 46 เซนต์ หรือ 0.84% ปิดที่ 53.99 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ตลอดทั้งสัปดาห์สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1%
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 59 เซนต์ หรือ 1.04% ปิดที่ 55.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 564,000 บาร์เรล สู่ระดับ 518.7 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรล
หลังจากนั้น ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันเนื่องจากบริษัท เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสัปดาห์ที่แล้ว มีจำนวนเพิ่มขึ้น 5 แท่น สู่ระดับ 602 แท่น ทำให้แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานมีจำนวนมากกว่า 600 แท่นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค.2558
ทั้งนี้ แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐมีจำนวนสูงสุด 4,530 แท่นในปี 2524 และแตะระดับต่ำสุดเมื่อเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว ที่ระดับ 404 แท่น