สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (9 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของสต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) สต็อกน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 9
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 1 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 49.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 92 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 52.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงติดต่อเป็นวันที่ 4 เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อรายงานของ EIA ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสรหัฐพุ่งขึ้น 8.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 867,000 บาร์เรล
ทั้งนี้ ข้อมูลของ EIA สอดคล้องกับรายงานสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 11.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.9 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับทิศทางการปรับลดกำลังการผลิตของบรรดาประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ขณะที่นายยโมฮัมหมัด บาร์คินโด เลขาธิการกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กล่าวว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่า โอเปกและประเทศนอกกลุ่มจะขยายการปรับลดกำลังการผลิตเกินกว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้หรือไม่
นายบาร์คินโดกล่าวว่า การประชุมโอเปกจะมีขึ้นในเดือนพ.ค. และขณะนี้ก็ยังไกลเกินไปที่จะคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกจะขยายการปรับลดกำลังการผลิตหรือไม่
ทั้งนี้ ก่อนการประชุมโอเปกในเดือนพ.ค. คณะกรรมการตรวจสอบความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิต ซึ่งรวมถึงรัสเซีย จะพบปะกันในการประชุมที่คูเวตวันที่ 25 มี.ค.