สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 มี.ค.) ด้วยแรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์ และการที่ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ในกลุ่มโอเปกและนอกกลุ่มโอเปกบางราย ได้ส่งสัญญาณที่จะขยายการปรับลดกำลังการผลิต เพื่อคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานล้นตลาด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 3 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 48.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ ปิดที่ 51.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากการที่สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันถูกลงและมีความดึงดูดมากขึ้นสำหรับผู้ที่ถือเงินตราสกุลอื่นๆ ทั้งนี้ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินนั้น ปรับตัวลง 0.12% สู่ระดับ 100.240 ในการซื้อขายเมื่อคืนนี้
สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากการที่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ส่งสัญญาณที่จะขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน โดยนายคาหลิด อัล-ฟาลีห์ รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดิอาระเบีย กล่าวว่า หากสต็อกน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับสูง ซาอุดิอาระเบียก็จะขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเกินกว่าที่ข้อตกลงระบุไว้
ขณะที่นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รัฐมนตรีพลังงานรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียจะลดกำลังการผลิตน้ำมันมากขึ้น จากระดับ 160,000 บาร์เรล/วันในขณะนี้ สู่ระดับ 200,000 บาร์เรล/วันในช่วงที่เหลือของเดือนนี้ นอกจากนี้ รัสเซียยังจะลดกำลังการผลิตน้ำมันมากขึ้นอีกในช่วงสิ้นเดือนเม.ย. สู่ระดับ 300,000 บาร์เรล/วัน
ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มโอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน และจากนั้นในกลางเดือนธ.ค. ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2017 และมีกำหนดเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดในกลางปีนี้
ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงมีความวิตกเกี่ยวกับสต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐ โดยล่าสุด บริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสัปดาห์ที่แล้ว มีจำนวนเพิ่มขึ้น 14 แท่น สู่ระดับ 631 แท่น และเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน