สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 มี.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้นสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ โดยข้อมูลดังกล่าวได้เพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทาพลังงานที่สูงขึ้นในสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 48.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 32 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 50.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดตลาดอ่อนแรงลงหลังจาก EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาดในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 มี.ค. ซึ่งสอดคล้องกับการรายงานของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล
ทางด้าน API ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
สต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐได้เพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานที่สูงขึ้นในสหรัฐ โดยก่อนหน้านี้ บริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ มีจำนวนเพิ่มขึ้น 14 แท่น สู่ระดับ 631 แท่น และเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว สหรัฐมีแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานจำนวนเพียง 387 แท่น
การขุดเจาะน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้สหรัฐมีการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.1 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 8.5 ล้านบาร์เรล/วันในปีที่แล้ว