สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (3 เม.ย.) หลังจากมีรายงานว่า ลิเบียเริ่มกลับมาผลิตน้ำมันอีกครั้ง หลังจากที่ประสบภาวะชะงักงันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 11 สัปดาห์ติดต่อกัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 36 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 50.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 53.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากมีรายงานว่า บ่อน้ำมันชาราราของลิเบีย ซึ่งเป็นบ่อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ ได้เริ่มการผลิตเมื่อวานนี้ หลังจากที่ประสบภาวะหยุดชะงักเป็นเวลา 1 สัปดาห์
ทั้งนี้ บ่อน้ำมันดังกล่าวให้ผลผลิต 120,000 บาร์เรล/วันในวันนี้ เทียบกับระดับ 220,000 บาร์เรล/วันก่อนที่จะยุติการผลิตในวันที่ 27 มี.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากบริษัท เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ มีจำนวนเพิ่มขึ้น 10 แท่น สู่ระดับ 662 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2558 และเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 11 ติดต่อกัน ทั้งยังมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่มีเพียง 362 แท่น
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันได้รับปัจจัยหนุนในระหว่างวัน จากการคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่ม จะสามารถบรรลุข้อตกลงขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตไปจนถึงเดือนธ.ค.
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยในวันนี้จะเป็นการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันจากการปิโตรเลียมสหรัฐ (API) และในวันพุธจะเป็นการเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)