สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 เม.ย.) โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่สูงขึ้นในสหรัฐ ซึ่งได้บดบังปัจจัยบวกจากการที่ซาอุดิอาระเบียส่งสัญญาณขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันช่วงครึ่งปีหลัง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 17 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 50.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 6 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 52.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดตลาดอ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ โดยเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 13 เม.ย. มีจำนวนเพิ่มขึ้น 11 แท่น สู่ระดับ 683 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี และเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 13 ติดต่อกัน
ขณะนี้ สหรัฐมีการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.24 ล้านบาร์เรล/วัน ส่งผลให้สหรัฐเป็นประเทศที่มีการผลิตน้ำมันมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากรัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐนั้น ได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า นายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.น้ำมันซาอุดิอาระเบีย กล่าวเมื่อวานนี้ว่า การปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มได้บรรลุข้อตกลงกันก่อนหน้านี้นั้น อาจจำเป็นต้องดำเนินต่อไปเพื่อช่วยพยุงราคาน้ำมัน
"มีการทำข้อตกลงในเบื้องต้น แต่สิ่งนี้ยังไม่ได้รับการสื่อสารไปยังทุกประเทศ" นายอัล-ฟาลีห์กล่าว
คำกล่าวของนายอัล-ฟาลีห์ถือว่ามีน้ำหนักมาก เนื่องจากซาอุดิอาระเบียเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก
ทั้งนี้ โอเปกจัดการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน และจากนั้นในกลางเดือนธ.ค. ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2017 และมีกำหนดเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.ปีนี้
กลุ่มโอเปกจะพบปะกับผู้ผลิตน้ำมันจากประเทศนอกกลุ่มในวันที่ 25 พ.ค. เพื่อตัดสินใจว่าจะมีการขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันจนถึงสิ้นปีนี้หรือไม่