สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 เม.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม การที่สต็อกน้ำมันเบนซินและสต็อกน้ำมันกลั่นพุ่งขึ้นนั้น ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานที่สูงขึ้นในสหรัฐ และยังเป็นปัจจัยที่สกัดแรงบวกในตลาดด้วยเช่นกัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ขยับขึ้น 6 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 49.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 28 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 51.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 3.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 528.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์การณ์ว่าจะปรับตัวลงเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม รายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงดีเซลและฮีทติ้งออยล์ พุ่งขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1 ล้านบาร์เรลเช่นกัน ก่อนหน้านี้สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 897,000 บาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 เม.ย.
นักลงทุนจับตากาประชุมของสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 25 พ.ค.นี้ เพื่อตัดสินใจว่าจะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตเกินเดือนมิ.ย.หรือไม่
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มโอเปกโดยได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน และจากนั้นในกลางเดือนธ.ค. ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2017 และมีกำหนดเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.ปีนี้