สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 พ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปริมาณสต็อกน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ถึงแม้มีการคาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตถึงสิ้นปีนี้ก็ตาม ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันของสหรัฐในวันนี้อย่างใกล้ชิด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 1.18 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 47.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. ดิ่งลง 1.06 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 50.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากบริษัทน้ำมันแห่งชาติลิเบียเปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันได้เพิ่มขึ้นเหนือระดับ 760,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2014
ผลการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะปรับตัวลงในสัปดาห์ที่แล้ว แต่สต็อกน้ำมันเบนซินและสต็อกน้ำมันกลั่น มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทางด้านสำนักงานพลังงานสากล (IEA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันของชาติอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 3.055 พันล้านบาร์เรล ณ สิ้นเดือนก.พ. โดยสูงกว่าระดับเฉลี่ยในรอบ 5 ปีอยู่ราว 330 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันและสต็อกน้ำมันที่สูงขึ้นนั้น ยังคงสร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมันนิวยอร์ก แม้ถึงแม้มีการคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกจะขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตถึงสิ้นปีนี้ก็ตาม
นายไบรอัน กิลวารี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทบริติช ปิโตรเลียม (บีพี) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของสหราชอาณาจักร กล่าวว่า หากกลุ่มโอเปกขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันจนถึงสิ้นปีนี้ ก็จะส่งผลให้สต็อกน้ำมันดิบทั่วโลกลดลงสู่ระดับเฉลี่ยในรอบ 5 ปีภายในสิ้นปีนี้ และจะเป็นแรงหนุนต่อราคาน้ำมันที่ระดับ 55 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย พร้อมกับจับตาการประชุมของกลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปกในวันที่ 25 พ.ค.เพื่อหารือเกี่ยวกับการขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันจนถึงสิ้นปีนี้ จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.