สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ จากความวิตกที่ว่าความขัดแย้งทางการทูตระหว่างกาตาร์ และชาติอาหรับ จะส่งผลกระทบต่อความพยายามในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)
ณ เวลา 18.55 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 17 เซนต์ หรือ 0.36% สู่ระดับ 47.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
เมื่อวานนี้ บาห์เรน ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อียิปต์ เยเมน ลิเบีย และมัลดีฟส์ ได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูดกับกาตาร์ โดยอ้างเหตุผลว่ากาตาร์ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย และอิหร่าน รวมทั้งบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค
ซาอุดิอาระเบีย บาห์เรน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ระบุว่า ทั้ง 3 ชาติจะปิดชายแดนทางบก และทะเล รวมทั้งสนามบินต่อกาตาร์ โดยห้ามกาตาร์รุกล้ำดินแดน น่านน้ำ และน่านฟ้าของทั้ง 3 ประเทศ
ถึงแม้กาตาร์มีการผลิตน้ำมันเพียง 620,000 บาร์เรล/วัน แต่นักลงทุนกังวลว่าความตึงเครียดภายในชาติอาหรับ จะส่งผลกระทบต่อความร่วมมือของกลุ่มโอเปกในการปรับลดกำลังการผลิต
เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ประชุมของกลุ่มโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปก มีมติเห็นพ้องสำหรับการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีก 9 เดือนจนถึงเดือนมี.ค.2018 โดยไม่มีการปรับลดกำลังการผลิตมากขึ้น โดยโอเปกและกลุ่มนอกโอเปกจะยังคงผลิตน้ำมันราว 1.8 ล้านบาร์เรล/วันต่อไป
ส่วนการประชุมโอเปกครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.นี้ เพื่อพิจารณาทบทวนกำลังการผลิตน้ำมัน
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ ซึ่งพุ่งขึ้นมากกว่า 10% ตั้งแต่กลางปี 2016 สู่ระดับ 9.34 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งใกล้เคียงกับระดับของซาอุดิอาระเบีย และรัสเซีย
ทางด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐ เปิดเผยรายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันรายสัปดาห์ พบว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ มีจำนวนเพิ่มขึ้น 11 แท่น สู่ระดับ 733 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2015 และเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 20 ติดต่อกัน เทียบกับระดับ 325 แท่นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
การขุดเจาะน้ำมันที่เพิ่มขึ้น บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมดังกล่าวเป็นเวลา 12 เดือนติดต่อกัน ซึ่งจะช่วยให้การผลิตน้ำมันของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีหน้า