ราคาน้ำมัน WTI ทรุดกว่า 4% ใกล้หลุด 46 ดอลล์ กังวลสต็อกสหรัฐพุ่ง ขณะคาดผลิตน้ำมันสูงเป็นประวัติการณ์

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 7, 2017 22:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ทรุดตัวกว่า 4% ในวันนี้ จากความกังวลหลังมีการเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว และสหรัฐจะผลิตน้ำมันดิบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีหน้า

ณ เวลา 22.03 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 2.07 ดอลลาร์ หรือ 4.30% สู่ระดับ 46.12 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะลดลง

ทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล

ด้านสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 580,000 บาร์เรล

ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 4.4 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 281,000 บาร์เรล

นอกจากนี้ EIA ยังคาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 10 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 9.3 ล้านบาร์เรลในปัจจุบัน ส่งผลให้สหรัฐมีการผลิตน้ำมันใกล้เคียงกับซาอุดิอาระเบีย

สำหรับในระยะใกล้นั้น EIA ระบุว่า การผลิตน้ำมัน และการบริโภคน้ำมันค่อนข้างมีความสมดุล

ทางด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐ เปิดเผยรายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันรายสัปดาห์ พบว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ มีจำนวนเพิ่มขึ้น 11 แท่น สู่ระดับ 733 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2015 และเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 20 ติดต่อกัน เทียบกับระดับ 325 แท่นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

การขุดเจาะน้ำมันที่เพิ่มขึ้น บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมดังกล่าวเป็นเวลา 12 เดือนติดต่อกัน ซึ่งจะช่วยให้การผลิตน้ำมันของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีหน้า

ขณะเดียวกัน ตลาดยังถูกกดดันจากความวิตกที่ว่าความขัดแย้งทางการทูตระหว่างกาตาร์ และชาติอาหรับ จะส่งผลกระทบต่อความพยายามในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)

ทั้งนี้ บาห์เรน ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อียิปต์ เยเมน ลิเบีย และมัลดีฟส์ ได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูดกับกาตาร์ โดยอ้างเหตุผลว่ากาตาร์ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย และอิหร่าน รวมทั้งบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค

ซาอุดิอาระเบีย บาห์เรน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ระบุว่า ทั้ง 3 ชาติจะปิดชายแดนทางบก และทะเล รวมทั้งสนามบินต่อกาตาร์ โดยห้ามกาตาร์รุกล้ำดินแดน น่านน้ำ และน่านฟ้าของทั้ง 3 ประเทศ

ถึงแม้กาตาร์มีการผลิตน้ำมันเพียง 620,000 บาร์เรล/วัน แต่นักลงทุนกังวลว่าความตึงเครียดภายในชาติอาหรับ จะส่งผลกระทบต่อความร่วมมือของกลุ่มโอเปกในการปรับลดกำลังการผลิต

เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ประชุมของกลุ่มโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปก มีมติเห็นพ้องสำหรับการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีก 9 เดือนจนถึงเดือนมี.ค.2018 โดยไม่มีการปรับลดกำลังการผลิตมากขึ้น โดยโอเปกและกลุ่มนอกโอเปกจะยังคงผลิตน้ำมันราว 1.8 ล้านบาร์เรล/วันต่อไป

ส่วนการประชุมโอเปกครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.นี้ เพื่อพิจารณาทบทวนกำลังการผลิตน้ำมัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ