สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) หลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงขานรับตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สอง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 46.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 68 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 48.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังคงได้ปัจจัยหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งเปิดเผยเมื่อวันพูธว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 7.6 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 ก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 2.9 ล้านบาร์เรล โดยสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สอง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงบวกหลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน
รายงานของ IEA ยังระบุด้วยว่า จีนนำเข้าน้ำมัน 8.55 ล้านบาร์เรล/วันในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ โดยเพิ่มขึ้น 13.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และทำให้จีนเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยแซงหน้าสหรัฐ
ขณะเดียวกัน IEA ระบุว่า ปริมาณน้ำมันทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นในเดือนมิ.ย. เนื่องจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ลดความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน
ทั้งนี้ รายงานระบุว่า ปริมาณน้ำมันทั่วโลกได้เพิ่มขึ้น 720,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. และเพิ่มขึ้น 340,000 บาร์เรล/วันในกลุ่มประเทศโอเปก ขณะที่ซาอุดิอาระเบีย ลิเบีย และไนจีเรีย ต่างก็ได้เพิ่มกำลังการผลิต
นอจากนี้ IEA ระบุว่า ความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกอยู่ที่ระดับเพียง 78% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ส่วนผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกได้เพิ่มความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันสู่ระดับ 82% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่ากลุ่มโอเปกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มมีการปรับลดกำลังการผลิตในเดือนม.ค.