สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) โดยสัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์ หลังบริษัทปิโตร-โลจิสติกส์ออกรายงานคาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะเพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนนี้ ก่อนที่การประชุมโอเปกและประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกจะเปิดฉากขึ้นในสัปดาห์หน้า
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย ลดลง 1.15 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 45.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.24 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 48.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงราว 2.1% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลงราว 1.7%
ปิโตร-โลจิสติกส์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาในอุตสาหกรรมน้ำมัน ออกรายงานคาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกจะเพิ่มขึ้นในเดือนก.ค. หรือเพิ่มขึ้น 145,000 บาร์เรลต่อวัน แตะที่ 33 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้สัญญาน้ำมันร่วงลงเมื่อคืนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับปัจจัยหนุนในระดับหนึ่ง หลังจากที่เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐ เปิดเผยรายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันรายสัปดาห์ พบว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ มีจำนวนลดลง 1 แท่น สู่ระดับ 764 แท่นในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐมีจำนวนลดลง หรือเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยในระยะนี้ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงการชะลอตัวของการผลิตน้ำมันในสหรัฐ
นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปก ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 ก.ค.ที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งจะหารือกันเกี่ยวกับมาตรการปรับลดกำลังการผลิตที่ดำเนินการในปัจจุบัน โดยที่ประชุมอาจเสนอมาตรการกระตุ้นราคาเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมโอเปกเต็มคณะในเดือนพ.ย.
กลุ่มโอเปก และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้บรรลุข้อตกลงในการประชุมกันเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ในการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตจนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า โดยที่ประชุมจะมีการหารือถึงปริมาณการผลิตน้ำมันของลิเบียและไนจีเรีย ซึ่งเป็น 2 ประเทศสมาชิกโอเปกที่ได้รับการยกเว้นจากข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต