สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% เมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) โดยตลาดยังคงได้ปัจจัยหนุนจากซาอุดิอาระเบียให้คำมั่นว่าจะปรับลดการส่งออกน้ำมัน ขณะที่ไนจีเรียประกาศว่าจะเข้าร่วมในข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังดีดตัวขึ้นหลังจากผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐมีแนวโน้มลดลงอีกในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 1.55 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 47.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.60 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 50.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังคงได้รับปัจจัยหนุนหลังจากรัฐมนตรีพลังงานจาก 5 ชาติของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งเป็นคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต (JMMC) รวมทั้งรัสเซีย ได้เสร็จสิ้นการประชุมเมื่อจันทร์ ที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยที่ประชุมแถลงว่า ไนจีเรีย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับการยกเว้นจากการเข้าร่วมข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน จะเข้าร่วมการปรับลดกำลังการผลิตลงจากระดับ 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน หากไนจีเรียมีการผลิตน้ำมันอย่างมีเสถียรภาพที่ระดับดังกล่าว จากปัจจุบันซึ่งมีการผลิตน้ำมันที่ระดับ 1.7 ล้านบาร์เรล/วัน
ทั้งนี้ แม้ที่ประชุมไม่ได้ระบุกรอบเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตของไนจีเรีย แต่เปิดเผยว่า JMMC จะติดตามการผลิตน้ำมันของไนจีเรียในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า
ขณะเดียวกันซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก ได้ตกลงที่จะจำกัดการส่งออกน้ำมันไว้ที่ 6.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าระดับของปีที่แล้วเกือบ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจาก คูเวต ซึ่งเป็นประธาน JMMC ระบุว่า โอเปกจะจัดการประชุมฉุกเฉิน ซึ่งจะรวมถึงไนจีเรีย และอาจประกาศขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปเกินกว่าเดือนมี.ค.ปีหน้า หากตลาดยังคงไม่มีความสมดุล
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย