สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) หลังจากมีรายงานว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในเดือนก.ค. ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงขึ้นในตลาด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 1.01 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 49.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 94 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 51.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากผลสำรวจระบุว่า โอเปกได้ผลิตน้ำมันมากขึ้นในเดือนก.ค. แม้มีข้อตกลงลดกำลังการผลิต โดยโอเปกผลิตน้ำมันมากขึ้น 90,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับสูงสุดในปีนี้ นำโดยลิเบีย ซึ่งได้รับการยกเว้นจากข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน
นักวิเคราะห์ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีนี้ โดยมีสาเหตุจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ลดความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน
ทั้งนี้ ผลสำรวจนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมัน WTI จะมีค่าเฉลี่ยที่ระดับ 50.08 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ลดลงจากระดับ 51.92 ดอลลาร์ที่คาดการณ์ในเดือนมิ.ย. ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์คาดว่าจะมีค่าเฉลี่ยที่ระดับ 52.45 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ลดลงจากระดับ 53.96 ดอลลาร์ที่คาดการณ์ในเดือนมิ.ย.
นักวิเคราะห์ระบุว่า การให้ความร่วมมือของโอเปกในการปรับลดกำลังการผลิตนั้น จะยังคงถูกกดดันในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ซึ่งจะสร้างความไม่มั่นใจเกี่ยวกับการปรับสมดุลในตลาด
นักลงทุนจับตาสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันสหรัฐจะลดลง 2.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5