สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐลดลง และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐแข็งแกร่ง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 49.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 52.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐ เปิดเผยรายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันรายสัปดาห์ พบว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ มีจำนวนลดลง 1 แท่น สู่ระดับ 765 แท่นในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ ตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่แข็งแกร่งได้เป็นปัจจัยหนุนตลาดน้ำมันเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 209,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.3% จาก 4.4% ในเดือนมิ.ย.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 183,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. และอัตราว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.3%
อย่างไรก็ตาม ตลอดสัปดาห์นี้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 0.3% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลง 0.4% เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงขึ้น หลังจากมีรายงานว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในเดือนก.ค. และสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลดลงน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์
นักลงทุนจับตาการประชุมของประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก และสมาชิกบางประเทศของกลุ่มโอเปก ซึ่งจะจัดขึ้นที่อาบู ดาบี ในระหว่างวันที่ 7-8 ส.ค.นี้ โดยที่ประชุมจะหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มความเข้มงวดในการปฏิบัติตามข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันซึ่งได้มีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา