สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนแท่นขุดเจาะที่ใช้งานในสหรัฐปรับตัวลดลงในสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาพายุเฮอร์ริเคน "ฮาร์วีย์" ที่เตรียมพัดถล่มแหล่งผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 47.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 37 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 52.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงราว 1.6% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลงราว 0.6%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ได้แรงหนุนจากรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ ลดลง 4 แท่น สู่ระดับ 759 แท่นในสัปดาห์นี้ โดยรายงานดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานที่สูงเกินไปในสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยเมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลงนั้น จะช่วยให้สัญญาน้ำมันมีมูลค่าที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
นักลงทุนจับตาพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์อย่างใกล้ชิด โดยศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติสหรัฐระบุว่า พายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ได้ทวีความรุนแรงเป็นเฮอร์ริเคนระดับ 4 และเตรียมพัดถล่มชายฝั่งสหรัฐในรัฐเท็กซัส และหลุยเซียนา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันสำคัญของสหรัฐ โดยเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์นับเป็นพายุเฮอร์ริเคนในสหรัฐที่มีความรุนแรงมากที่สุดในรอบ 12 ปี
ทั้งนี้ บริษัทน้ำมันหลายแห่ง เช่น รอยัล ดัชท์ เชลล์, อนาดาร์โค ปิโตรเลียม และเอ็กซอน โมบิล ได้พากันอพยพพนักงานออกจากแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก เนื่องจากวิตกกังวลเรื่องปัญหาน้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นจากพายุใหญ่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกระบวนการกลั่นน้ำมันโดยตรง
รัฐบาลสหรัฐคาดว่าการผลิตน้ำมันดิบราว 9.6% และการผลิตก๊าซธรรมชาติราว 14.6% จะถูกปิดลง จากอิทธิพลของเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์
ด้านนักวิเคราะห์เตือนว่า พายุเฮอร์ริเคนที่พัดถล่มแหล่งผลิตน้ำมันนี้อาจสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับท่อส่งน้ำมันด้วยเช่นกัน