สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 ก.ย.) เนื่องจากตลาดเริ่มคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับพายุเฮอร์ริเคน "ฮาร์วีย์" ซึ่งขณะนี้ได้อ่อนกำลังลงกลายเป็นพายุโซนร้อน ขณะที่โรงกลั่นน้ำมันบางส่วนเริ่มกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ขยับขึ้น 6 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 47.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 52.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พายุฮาร์วีย์ได้ทำให้เกิดภาวะอุทกภัยในใจกลางแหล่งผลิตน้ำมันของรัฐเท็กซัส ส่งผลให้อุตสาหกรรมกลั่นน้ำมันของสหรัฐถึง 1 ใน 4 ต้องเผชิญกับภาวะชะงักงัน โดยการกลั่นน้ำมันของสหรัฐลดลงอย่างน้อย 4.4 ล้านบาร์เรล/วัน เนื่องจากโรงกลั่นจำนวนมากไม่สามารถดำเนินการผลิตน้ำมันได้ ความต้องการน้ำมันดิบเพื่อนำไปใช้ในโรงกลั่นจึงลดลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันร่วงลงตามไปด้วย
นักวิเคราะห์จากมูดี้ส์ อนาลิติกส์ ประเมินว่า ความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดจากพายุฮาร์วีย์ จะมีมูลค่าสูงถึง 5.1-7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถิติที่สูงเป็นประวัติการณ์ในสหรัฐ
ขณะเดียวกัน เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งานอยู่ มีจำนวนคงที่ที่ระดับ 759 แท่นในสัปดาห์ล่าสุด เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดี แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับระดับ 352 แท่นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว