สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากสัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนในช่วงก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ชาวเคิร์ดเดินหน้าทำประชามติแยกตัวเป็นอิสระจากอิรัก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 34 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 51.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 58 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 58.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดตลาดอ่อนแรงลงจากแรงขายทำกำไร หลังจากที่ราคาทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนในช่วงก่อนหน้านี้
นักลงทุนจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด หลังจากนายเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี ขู่ว่าจะปิดท่อน้ำมันที่ส่งน้ำมันจากอิรักออกสู่ตลาดโลก หากชาวเคิร์ดเดินหน้าทำประชามติแยกตัวเป็นอิสระจากอิรัก
คณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งดูแลการลงประชามติของชาวเคิร์ดเกี่ยวกับการแยกตัวเป็นอิสระ เปิดเผยว่า ผลการนับคะแนนเบื้องต้นพบว่า ผู้ลงคะแนนจำนวน 93% สนับสนุนให้มีการตั้งประเทศเคอร์ดิสถานเพื่อแยกตัวจากอิรัก ขณะที่มีเสียงคัดค้านเพียง 6.71%
ทั้งนี้ ชาวเคิร์ดที่มีสิทธิลงคะแนนจำนวน 72.16% ได้เข้าร่วมการลงประชามติในครั้งนี้ ขณะที่ผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการจะมีการประกาศในวันพฤหัสบดีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย
ทั้งนี้ ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ซึ่งจัดทำโดยเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ ระบุว่า สต็อน้ำมันดิบของสหรัฐอาจจะเพิ่มขึ้นอีก 1.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันสัปดาห์ที่ 4 ขณะเดียวกันคาดว่า สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 100,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล