สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) หลังจากมีรายงานว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้เพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนก.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า สหรัฐเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ร่วงลง 1.09 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 50.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 67 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 56.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากมีรายงานว่า กลุ่มโอเปกได้เพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน 120,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนก.ย. ขณะที่อิรักและลิเบียเพิ่มกำลังการผลิตเช่นกัน
ทางด้านผู้ผลิตน้ำมันจากตะวันออกกลางได้แสดงความกังวลว่า การดีดตัวของราคาน้ำมันจะเป็นการดึงดูดให้ผู้ผลิตน้ำมันของสหรัฐทำการผลิตมากขึ้น ซึ่งจะกดดันให้ราคาปรับตัวลงอีก
ขณะเดียวกันตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับปัจจัยลบหลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 6 แท่น สู่ระดับ 750 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันเป็นครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์
นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมัน เนื่องจากเมื่อดอลลาร์แข็งค่า จะส่งผลให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันพรุ่งนี้เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย
ส่วนในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรล