สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) หลังจากมีรายงานว่า กองกำลังทหารของอิรักได้เข้ายึดเมืองเคอร์คุกจากกลุ่มกบฏชาวเคิร์ด ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับการส่งออกน้ำมันในพื้นที่ดังกล่าว นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในอิหร่านยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนสัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 51.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 57.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า กองกำลังอิรักสามารถยึดครองเมืองเคอร์คุก ภายหลังจากที่กลุ่มกบฏชาวเคิร์ดได้ถอนตัวออกจากเมืองดังกล่าว
ทั้งนี้ กองกำลังอิรัก ซึ่งประกอบด้วย กองกำลังของรัฐบาลอิรัก, หน่วยต่อต้านการก่อการร้าย, หน่วยตำรวจของรัฐบาลกลาง และกองกำลังฮาช ชาบี ซึ่งเป็นกลุ่มทหารนอกราชการ ได้เข้ายึดครองอาคารรัฐบาลในใจกลางเมืองเคอร์คุก ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงแบกแดดไปทางตอนเหนือราว 250 กิโลเมตร
รายงานระบุว่า การผลิตน้ำมันในเขตเคอร์ดิสถานลดลง 350,000 บาร์เรล/วัน อันเนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย
ขณะเดียวกันนักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับการที่สหรัฐอาจคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่ออิหร่าน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศไม่ให้การรับรองต่ออิหร่านในการปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ที่มีการทำไว้ในปี 2558 โดยระบุว่า อิหร่านไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ ขณะที่มีการละเมิดหลายครั้ง
ทั้งนี้ การประกาศไม่ให้การรับรองข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน จะเป็นการปูทางให้สภาคองเกรสมีเวลา 90 วันในการออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่ออิหร่าน
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้ปัจจัยหนุนหลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 5 แท่น สู่ระดับ 743 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว