สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ต.ค.) เนื่องจากตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง และข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบที่ร่วงลงในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 52.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 58.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ โดยตลาดยังคงให้ความสนใจสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ การลำเลียงน้ำมันดิบจากพื้นที่ทางตอนเหนือของอิรักผ่านมายังท่าเรือซีย์ฮานของตุรกีนั้น ร่วงลงอย่างหนัก ภายหลังจากที่กองทัพอิรักและกองกำลังชาวเคิร์ดยังคงปะทะกันอยู่ในพื้นที่ผลิตน้ำมันที่สำคัญอย่างเมืองเคอร์คุก
นักลงทุนยังให้ความสนใจประเด็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและอิหร่านที่มีจุดยืนที่แตกต่างกันในเรื่องของข้อตกลงนิวเคลียร์
อยาตุลลาห์ อาลี คาเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน เผยอิหร่านจะฉีกข้อตกลงนิวเคลียร์สากลเมื่อปี 2558 ออกเป็นชิ้นๆ หากสหรัฐเลือกที่จะทิ้งข้อตกลงดังกล่าว พร้อมกับขานรับจุดยืนของรัฐบาลประเทศต่างๆในยุโรปที่คัดค้านการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่ออกมาปฏิเสธว่า จะไม่ให้การรับรองอิหร่านว่าได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ ซึ่งมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Joint Comprehensive Plan of Action (JCPOA)
นอกจากนี้ ราคาน้ำมัน WTI ยังได้รับแรงหนุนหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลง 5.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 456.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าสถิติที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ระบุว่า ร่วงลง 7.1 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 9 แสนบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 5 แสนบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล