สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) ขานรับจุดยืนของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในการผลักดันภาวะสมดุลของตลาดน้ำมัน และข้อมูลแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐต่ำสุดในรอบ 4 เดือน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 18 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 51.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 57.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายโมฮัมเหม็ด บาร์คินโด เลขาธิการของกลุ่มโอเปก กล่าวว่า ตลาดน้ำมันกำลังปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุลในอัตราที่รวดเร็วขึ้น และเขายังมองไม่เห็นจุดสูงสุดสำหรับอุปสงค์น้ำมันในอนาคตอันใกล้
นายบาร์คินโดกล่าวว่า เขามีความเชื่อมั่นว่าราคาและความต้องการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจโลกแข็งแกร่งขึ้น
"เราคาดว่าอุปสงค์น้ำมันจะทะลุ 100 ล้านบาร์เรล/วันภายในปี 2020" นายบาร์คินโดกล่าว
ก่อนหน้านี้ โอเปกคาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันจะอยู่ที่ระดับ 96.8 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้
นายบาร์คินโดเน้นย้ำถึงความสำคัญในการลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำมันอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการจับมือกับผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก
เขากล่าวว่า โอเปกกำลังพิจารณาข้อเสนอของรัสเซียที่จะขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปีหน้า จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในไตรมาสแรกของปีหน้า
ขณะเดียวกัน เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 7 แท่น สู่ระดับ 736 แท่นในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 ต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 3 สัปดาห์
นอกจากนี้ ราคาน้ำมัน WTI ยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งทำให้การส่งออกน้ำมันลดน้อยลง
การส่งออกน้ำมันจากดินแดนเคอร์ดิสถานของอิรักอยู่ที่ระดับ 216,000 บาร์เรล/วัน จากระดับปกติที่ระดับ 600,000 บาร์เรล/วัน
กองทัพอิรักยังคงครอบครองแหล่งน้ำมันทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเคอร์คุก ขณะที่กระทรวงน้ำมันของอิรักคาดว่าจะสามารถทำให้การผลิตน้ำมันกลับสู่ระดับปกติในวันอาทิตย์นี้